21.4.53

“หมูสะระแหน่” รสแซ่บ ซี๊ดซ๊าด !!!



แม้ว่าวันนี้จะผ่านวันปีใหม่มาแล้ว แต่ก็ถือว่าได้ฤกษ์อวยชัยให้พรกันแล้ว
สำหรับปีนี้“กุ๊กเล็ก”ก็ขอ อวยพรให้มิตรรักนักกินทั้งหลาย อย่าได้เจ็บ อย่าได้จน คิดอะไรก็ขอให้ทำได้อย่างที่คิด
มื้อนี้ “กุ๊กเล็ก” ก็เลยเลือกเมนูกับแกล้มธรรมดาๆที่ไม่ธรรมดา มานำเสนอแก่แฟนๆคอลัมน์
หมู สะระแหน่ คือเมนูที่เรานำเสนอในช่วงนี้

สำหรับเครื่องปรุง ก็ประกอบด้วย
เนื้อหมูตรงส่วนคอ 4 ขีด
กระเทียมโทนแกะ เปลือกสับหยาบๆ 1/4 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว(น่าจะคั้นเอง) 1/4 ถ้วยตวง
น้ำ ปลาดี 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูหั่นฝอย 8-10 เม็ด
สะระแหน่,แตงกวา,มะระ


เมื่อได้เครื่องปรุงแล้ว ก็ลงมือทำกันเลยดีกว่า?!?
เริ่มแรกหั่นเนื้อหมูชิ้นขนาดพอคำ ลวกแค่สุกพองาม
จากนั้นก็เป็นการทำน้ำปรุง โดยใส่น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
โดยให้รสออกเปรี้ยวนำเล็กน้อย เมื่อได้ที่ก็ใส่พริกขี้หนูลงไป

นำแตงกวาหั่นเป็นแผ่นบางๆ
ส่วน มะระให้เอาไส้ออก แล้วหั่นตามขวางเป็นแว่น ๆ ล้างน้ำเกลือเพื่อช่วยลดความขม
เสร็จ สรรพนำน้ำปรุงราดบนเนื้อหมูแล้วคลุกให้เข้ากัน จากนั้นโรยด้วยกระเทียม ใบสะระแหน่
โดยเสิร์ฟ แตงกวามะระเป็นผักแกล้มเพื่อใช้ความจืดและขมสยบความเผ็ด
ก็เป็นอันได้ หมูสะระแหน่ ที่ให้รสแซ่บ กินจี๊ดจ๊าด ซี๊ด ซ๊าด ปาก

ทั้งนี้ ใครจะกินหมูสะระแหน่เป็นกับแกล้มหรือกับข้าว ก็ถือว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง


โดย กุ๊กเล็ก
ที่มา : http://www.manager.co.th

ต้อนรับปีหมูกับ “หมูสับปะรด”

เพิ่งจะเริ่มต้นปีใหม่ไม่ทันไรกรุงเทพฯก็วุ่นวายด้วยเรื่องระเบิดมีทั้งคนเจ็บคนตาย เห็นแล้วก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ หรือปีนี้จะเป็นปีหมูดุอย่างเขาว่ากันจริงๆ ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะรีบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้โดยไว ส่วน "กุ๊กเล็ก"ก็ขอแก้เคล็ดปีหมูด้วยการกินหมูซะเลย จากหมูดุจะได้กลายเป็นหมูทอง ด้วยเมนู "หมูสับปะรด"

เครื่องปรุง

เนื้อหมูส่วนสันนอก 1/2 กิโลกรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
ผงปรุงรส 1/4 ช้อนชา
ไข่ไก่ตีพอแตก 1 ฟอง
สับปะรด 1/2 ผลเล็ก
ผงขนมปังป่น 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช

วิธีทำ

เริ่มจากนำเนื้อหมูมาหั่นเป็นแนวขวางให้หนาประมาณ 2 เซนติเมตร จะได้เนื้อหมู 4 ชิ้น แต่ละชิ้นกรีดตรงกลางชั้นให้เป็นร่อง จากนั้นผสมเกลือ พริกไทย และผงปรุงรสเข้าด้วยกัน จากนั้นนำ สับปะรดมาปอกแล้วฝานเป็นแว่นแบ่งครึ่ง คว้านเอาแกนออก แล้วสอดชิ้นสับปะรดใส่ร่องเนื้อหมูที่กรีดเตรียมไว้ ใช้ไม้กลัดหรือไม้จิ้มฟันเสียบปากร่องอย่าให้ชิ้นสับปะรดหลุดได้

ตั้งกระทะใส่น้ำมันมากๆใช้ไฟปานกลาง เมื่อน้ำมันร้อนนำชิ้นหมูลงชุบไข่ แล้วเกลือกด้วยผงขนมปังป่น ทอดจนเนื้อหมูสุกและเหลืองดีทั้ง 2 ด้าน ตักขึ้น ให้สะเด็ดน้ำมันกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆหรือเสิร์ฟกับมันฝรั่งทอดแบบเฟรนช์ฟรายก็ได้


โดย กุ๊กเล็ก
ที่มา : http://www.manager.co.th

กลมกล่อม หอมมันกับ หลนเต้าเจี้ยว

หลนเต้าเจี้ยว รสชาตกลมกล่อมหอมกะทิ
ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับมหกรรมกินไก่โชว์จากนายกฯทักษิณ ที่งานนี้ขนทั้งดาราและ ส.ส.อีกเพียบ มาช่วยกันเพิ่มความมั่นใจให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ด้วยการกินไก่โชว์ที่ท้องสนามหลวง คาดว่างานนี้คงจะเพิ่มความมั่นใจให้ชาวไทยให้หันกลับมากินไก่กันอีกครั้ง หลังจากที่หวาดกลัวจนแทบจะไม่มองหน้ากัน(ไก่)ไปเลย

เป็นห่วงก็แต่ท่านนายกฯเท่านั้น ที่เสร็จงานนี้แล้วไม่รู้ว่าน้ำหนักจะพุ่งพรวดไปถึงเท่าไหร่ เพราะเดินสายกินไก่โชว์บ่อยเหลือเกิน อีกอย่างคอเรสเตอรอลก็ไม่เข้าใครออกใครด้วย

เมนู กุ๊กเล็ก”มื้อนี้ เลยขอสวนทางกับกระแสซะหน่อย โดยเราจะมาทำ “หลนเต้าเจี้ยว”ที่นอกจากจะเป็นอาหารไทยๆที่คุ้นลิ้นกันเป็นอย่างดีแล้ว ยังจัดได้ว่าเป็นอาหารที่อุดมด้วยประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากเต้าเจี้ยวขาวและเนื้อหมูบด กินกับผักสดต่างๆที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย

อารัมภบทกันมามากแล้ว เรามาเตรียมเครื่องปรุงกันดีกว่า

เนื้อหมูบด ½ ถ้วยตวง
เต้าเจี้ยวขาวโขลกละเอียด ¼ ถ้วยตวง
กะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
พริกชี้ฟ้าเขียว แดง เหลือง หั่นแว่น อย่างละ 1 เม็ด
ผักชีเด็ดเป็นใบ 1 ต้น
หอมแดงซอย ¼ ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
ผัดสด เช่น มะเขือเปราะ ขมิ้นขาว ถั่วฟักยาว แตงกวา หัวปลี

เตรียมเครื่องปรุงเสร็จแล้ว จะรอช้าอยู่ใย เรามาลงมือทำกันเลย

ขั้นแรก ตั้งหม้อกะทิให้เดือดด้วยไฟกลาง ใส่เต้าเจี้ยวคนให้เข้ากัน รอให้เดือดอีกครั้งจึงใส่เนื้อหมูคนให้กระจายทั่วๆ ใส่หอมแดง

จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำตาล คนให้เข้ากัน ใส่พริกชี้ฟ้า รอจนเดือดอีกครั้งแล้วยกลง

พอสำเร็จเสร็จสรรพตักใส่ถ้วย โรยใบผักชี รับประทานกับผักสดต่างๆที่เตรียมไว้

เพียงเท่านี้ก็จะได้ “หลนเต้าเจี้ยว”รสชาติกลมกล่อม ที่เอาไว้ราดข้าวสวยร้อนๆ ก็อิ่มท้องสบายๆไปอีกหนึ่งมื้อ


โดย กุ๊กเล็ก
ที่มา : http://www.manager.co.th

“หลนเนื้อเค็ม” อร่อย หอมมัน

ด้วยความที่คนไทยเราช่างคิดช่างทำในการปรุงอาหาร จึงทำให้เรามีเมนูเด็ดๆ ให้ลิ้มลองอย่างหลากหลาย

ก็แค่ “การหลน” อย่างเดียว ก็สามารถดัดแปลงของกินธรรมดาๆให้น่ากินขึ้นมาได้ทันใด อย่างเช่น หลนเต้าเจี้ยว หลนปลาร้า หลนเต้าหู้ยี้ ฯลฯ ซึ่งปกติแล้วของเหล่านี้ทั้งกลิ่นและหน้าตาอาจจะไม่น่าพิสมัยนัก แต่พอปรุงรสทำนู่นทำนี่ ก็กลับกลายให้มีกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอได้

“กุ๊กเล็ก” เองก็หลงใหลอาหารจานหลนอยู่มิใช่น้อย เพราะนอกจากรสชาติจะถูกลิ้นแล้วยังกินได้กับสารพัดผักอีกด้วย คราวนี้ก็เลยจะชวนแฟนานุแฟนมาทำหลนกัน แต่เพื่อความแปลกใหม่ไม่ซ้ำแนวเดิม จึงขอนำเสนอ “หลนเนื้อเค็ม” ซึ่งรับรองว่าทำได้ง่ายมากๆ ว่าแล้วก็เข้าครัวไปบรรเลงฝีมือทำพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

ส่วนผสม

เนื้อเค็มแดดเดียวทอดหั่นชิ้นบางๆ 1 ขีด
กะทิสด 1 ถ้วย
หอมแดง 2-3 หัว
ตะไคร้หั่นฝอย 1 ต้น
ใบมะกรูดหั่นฝอย 3-4 ใบ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนชา
พริกขี้หนูสด 4-5 เม็ด


วิธีทำขั้นแรกก็ต้มกะทิสดให้หอม แล้วนำเนื้อเค็มที่ทอดและหั่นชิ้นบางๆ ไปเคี่ยวกับกะทิจนเนื้อนุ่ม จากนั้นใส่ตะไคร้ หอมแดงซอย และใบมะกรูด ลงไปเคี่ยวให้หอมและเข้าเนื้อ ปรุงรสในขณะที่ตั้งไฟ ด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และพริกขี้หนูสดให้ได้รสชาติ เปรี้ยว หวานนำ และเค็มตาม ส่วนความเผ็ดแล้วแต่ชอบ

มีเคล็ดลับในการหลนอย่างหนึ่งว่าควรจะใช้ไฟอ่อนๆ ไม่ใส่กะทิมากเกินไป และในขณะที่หลนก็ต้องสังเกตดูปริมาณกะทิไม่ให้แห้งจนเกินไป แต่ถ้าแห้งก็สามารถที่จะเติมน้ำหรือกะทิเพิ่มลงไปได้ ซึ่งเมื่อกะทิงวดได้ที่ก็โรยใบมะกรูดหั่นฝอยและพริกขี้หนูปิดท้าย พร้อมเสิร์ฟกินกับผักสดต่าง ๆ อย่าง ขมิ้นขาว แตงกวา มะเขือเปราะ และผักกาดหอม แค่นี้ก็เป็นอันว่าได้หลนเนื้อเค็มจานเด็ดแล้ว



โดย กุ๊กเล็ก
ที่มา : http://www.manager.co.th

กลมกล่อมครบรสไปกับ “หลนปูเค็ม”/

เคยได้ยินกันบ้างไหมคำที่ว่า เสน่ห์ปลายจวัก ของหญิงไทยที่สามารถผูกมัดใจชายได้ทุกยุคยุคสมัยนั้นคือความเป็นแม่ศรีเรือนอาจจะไม่ต้องทำอะไรเป็นหมดทุกอย่างแค่บ้างอย่างก็ทำให้ชายลุ่มหลงได้นักต่อนักแล้วอย่างการทำอาหารกับ “กุ๊กเล็ก” ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำง่ายได้อร่อยแถมมัดใจชายได้ด้วย

คราวนี้เลยภูมิใจนำเสนอ "หลนปูเค็ม"อาหารที่เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดีรสชาติหวานๆเค็มๆมันๆ เครื่องปรุงก็หาง่ายไม่วุ่นวายอะไรเลย เพียงนำของที่มีอยู่ในครัวมาประยุกต์ก็ได้เมนูเด็ดแล้ว ว่าแล้วก็ชักหิวขึ้นมาตะงิดๆแล้วซิ ลงมือทำกันเลยดีกว่า

เครื่องปรุง

มะพร้าวขูด 300 กรัม
เนื้อหมูสับละเอียด1/4ถ้วย
น้ำปลา1ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น1ช้อนชา
หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล2ช้อนชา
น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดฉีก1-2ใบ
พริกชี้ฟ้าหั่นแว่น1เม็ด
ผักชีเด็ดใบ
ปูนาดองเค็ม2ตัว
ผักสด

วิธีทำ
การทำหลนไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เริ่มจากการนำปูที่ดองเค็มมาล้างให้สะอาด เพื่อชำระความเค็มบางส่วน ออกจากตัวปูไม่ให้เค็มเกินไป จากนั้นนำปูมาหั่นแล้วลวกพอสะดุ้ง แล้วหันมาคั้นมะพร้าวให้ได้ทั้งหัวกะทิและหางกะทิ จากนั้นตั้งกระทะให้ได้ไฟปานกลาง แล้วจึงเทหัวกะทิลงไปหมั่นคนอยู่ตลอดเวลา อย่าให้น้ำกะทิแตกมัน

เมื่อน้ำกะทิเริ่มเดือดจึงใส่หอมแดงซอยลงไป คนให้เข้ากันเมื่อได้ที่แล้ว จึงใส่เนื้อหมูสับละเอียดลงไปคั่วจนหมูสุกได้ที่ เติมหางกะทิลงไปพร้อมปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล เกลือและน้ำมะขามเปียก เคี่ยวจนเดือดใส่ปูเค็มลงไปต้มพอสุกแล้วตักขึ้นใส่ถ้วย จากนั้นโรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้า ใบมะกรูดผักชีฉีกกินคู่กับผักสดตามใจชอบ ยิ่งถ้าได้ข้าวสวยร้อน ๆสักจาน รับรองคนที่ได้ชิมรสมือคุณจะติดใจ

“หอยนางรมทอดกระเทียมพริกไทย” อร่อยง่ายๆในบ้าน





















"ร้อนเสียจริง ร้อนๆอย่างนี้กินอะไรไม่ค่อยลงเลย ยิ่งบรรยากาศการเมืองร้อนรุ่มยิ่งแย่ไปใหญ่ " ช่วงนี้หลายๆคน มักจะบ่นเช่นนี้ ก็แหม! อากาศอบอ้าวขนาดนี้หลายๆคนคงอยากไปเที่ยวทะเลคลายร้อน

"กุ๊กเล็ก" เอง ก็อยากไปเที่ยวทะเลเช่นกัน แต่ว่าเมื่อโอกาสไม่เอื้ออำนวย เราจึงสร้างบรรยากาศแห่งท้องทะเลขึ้นมาในจิตใจ พร้อมๆกับซื้อหาอาหารทะเลมาทำกินดับอารมณ์คิดคำนึงถึงท้องทะเล

สำหรับเมนูกลิ่นอายทะเลในมื้อนี้ก็คือ "หอยนางรมทอดกระเทียมพริกไทย" ที่เป็นเมนูทำง่ายกินง่าย ว่าแล้วเราก็เข้าครัวไปเตรียมส่วนผสมกันดีกว่า

ส่วนผสม

หอยนางรมขนาดใหญ่7-10 ตัว
พริกไทย 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ(หรือตามแต่จะถูกปาก)
น้ำมันสำหรับทอด

ส่วนวิธีทำก็เริ่มด้วยการนำหอยนางรมตัวใหญ่ไปล้างให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นโขลกกระเทียม และพริกไทยจนละเอียด แล้วจัดแจงผสมน้ำปลากับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลละลาย นำหอยนางรมมาผสมรวมกันแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

เมื่อได้ที่แล้วก็นำลงไปทอดในน้ำมันร้อนไฟกลาง พอให้ออกสีเหลืองแล้วจึงตักขึ้น ใส่จานที่ประดับตกแต่งด้วยมะเขือเทศกับใบผักกาดหอม ให้แลดูน่ากิน เสร็จพิธีแล้วยกเสิร์ฟเป็นกับแกล้มหรือกับข้าวก็อร่อยไม่แพ้กัน และถ้าจะให้เด็ดสุดต้องกินตอนที่กำลังร้อนๆอยู่

งานนี้ทำง่ายกินง่ายแถมยังได้กลิ่นอายทะเลติดอารมณ์มาอีกด้วย



โดย กุ๊กเล็ก
ที่มา : http://www.manager.co.th

“หอยแมลงภู่ผัดฉ่า”รสเด็ด เผ็ดซาบซ่าน

เพื่อนของ “กุ๊กเล็ก” เคยถามคำถามแบบขำขำ ว่า “หอยอะไรเอ่ย??? บินได้”

แรกที่ได้ยินคำถามเราก็ยังงงๆ อยู่ว่ามันคือหอยอะไร เพราะที่ผ่านมาเคยแต่ได้ยินคำถามแนวลามกว่า “หอยอะไรเอ่ย???ลอยได้” แต่หอยอะไรบินได้ไม่เคยได้ยิน

แต่พอมัน เฉลยว่า “หอยแมลงภู่” เท่านั้นแหละ เราก็ถึงบางอ้อ เพราะว่าแมลงภู่นั้นบินได้ ก็เลยทำให้หอยแมลงภู่พลอยบินได้ไปด้วย

เออจริงของมันแฮะ แต่ “กุ๊กเล็ก” ขอย้ำว่านี่เป็นคำถามแบบขำขำ(หรือที่บางคนเรี่ยกว่าคำถามปัญญาอ่อนนั่นแหละ) ซึ่งคำถามประเภทนี้ส่วนใหญ่จะฮาเมื่อถามถูกกาลเทศะ และจะฮามากเมื่อใช้ถามในวงเหล้า

งานนี้“กุ๊กเล็ก” เลยถือโอกาสนำเจ้าหอยที่เพื่อนมันบอกว่าบินได้อย่างหอยแมลงภู่มาทำเมนูที่กินกับเหล้าก็เยี่ยมกินกับข้าวก็ยอด อย่าง “หอยแมลงภู่ผัดฉ่า” เสียเลย

สำหรับส่วนประกอบหอยแมลงภู่ผัดฉ่าก็มี

หอยแมลงภู่ 1.5 ถ้วยตวง
พริกขี้หนูสด 10-15 เม็ด(แล้วแต่รสนิยมในการกินเผ็ด)
กระเทียม 1 หัว
กระชายหั่นฝอย 1/4 ถ้วยตวง
พริกไทยอ่อน 1/4 ถ้วยตวง
ใบกะเพรา 1/2 ถ้วยตวง
น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย น้ำมันพืช


เมื่อเครื่องปรุงพร้อมก็ให้นำหอยแมลงภู่ไปลวกให้พอสุก จากนั้นแกะเปลือกออกเพียงข้างเดียว แล้วลงมือโขลกกระเทียมกับพริกขี้หนูเข้าด้วยกัน

จากนั้นใช้ไฟแรงตั้งน้ำมันให้ร้อน แล้วใส่พริกกระเทียมลงผัดให้หอม

สุดท้ายส่งหอยแมลงภู่ลงไปผัด แล้วตามด้วย พริกไทยอ่อน กระชาย ใบกะเพรา ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
แล้วจึงปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย ตามใจชอบ

เสร็จสรรพยกเสิร์ฟหอยแมลงภู่ผัดฉ่าจานเด็ดรสเผ็ดซ่าน ซึ่งใครจะกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็เยี่ยม หรือใครจะกินกับเหล้ากับเบียร์เย็นๆ ก็ยอดไม่แพ้กัน

สดใส ซาบซ่า กับเครื่องดื่ม “เอล อินเฟอร์โน”

“ลมหนาวมาเมื่อไร ใจฉันคงยิ่งเหงา คืนวันที่มันเหน็บหนาวไม่รู้จะทนได้นานเท่าไร”

เสียงเพลงของทรี ฟอร์ ทรีดังแว่วมาจากวิทยุเครื่องโปรด แถมลมหนาวที่ห่างหายไปจากกรุงเทพฯนานพอสมควร ก็แวะเวียนมาทักทายด้วยการพัดมาเป็นระยะ หอบเอากลิ่นอายความหนาวเย็นมาฝากคนเมืองกรุงด้วย

เล่นเอา “กุ๊กเล็ก” ต้องห่อตัวด้วยความหนาวเหน็บ แถมนึกในใจว่าอากาศเย็นอย่างนี้ต้องหาเครื่องดื่มที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสดใส ซาบซ่า เหมือนอย่างเครื่องดื่มที่ชื่อว่ “เอล อินเฟอร์โน” (El Inferno)ที่เราได้สูตรมาจากโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ อย่ารอช้า ตาม “กุ๊กเล็ก” มาเลย

ส่วนผสม
แตงโม(ปลอกเปลือก) 3-4 ชิ้น
น้ำส้ม 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง 1/3แก้ว

เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำ ขั้นตอนแรกให้นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในเชคเกอร์ที่บรรจุน้ำแข็งเอาไว้แล้ว หลังจากนั้นเพียงเขย่าแรงๆให้เข้ากัน เสร็จแล้วรินใส่แก้วพร้อมยกเข้าปากก็เป็นอันเสร็จพิธีสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายแถมยังอร่อยลิ้นอีกต่างหาก

“แฮมผัดขึ้นฉ่าย” ทำง่าย กินอร่อย

ฝนตกๆ อย่างนี้หลายคนคงบ่นอุบ และพากันหงุดหงิดใจ เพราะเวลาจะออกไปหาอะไรกินนอกบ้านแต่ละทีช่างลำบาก ไหนจะต้องฝ่าฝน และฝ่าการจราจรที่ติดขัด กว่าจะได้กินของอร่อยๆ กับเขาสักหนึ่งมื้อ

แต่สำหรับ “กุ๊กเล็ก” แล้วขอบอกว่าสบายมาก เพราะถึงแม้ว่าไม่ไปไหน เราก็ยังมีกระทะ หม้อ ชาม จาน มีด และเครื่องครัวอีกสารพัดอย่างเป็นเพื่อน และถ้าวันไหนหิวก็เตรียมเครื่องปรุงในเมนูที่อยากจะทำเดินเข้าครัว เท่านี้ก็ได้เมนูอาหารที่ต้องการแล้ว

อย่างกับมื้อนี้ที่ในตู้เย็น มีหมูแฮมกับผักขึ้นฉ่ายเหลือติดตู้เย็นอยู่ เราก็เลยหยิบจับมาปรุงเป็นเมนู “แฮมผัดขึ้นฉ่าย” เสียเลย สำหรับเมนูนี้ทำกินไม่ยาก และยังใช้เวลาในการปรุงไม่นาน ว่าแล้วเราไปเข้าครัวทำแฮมผัดขึ้นฉ่ายกันเลยดีกว่า

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม

ผักขึ้นฉ่ายหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2 ต้น
หมูแฮมหั่นเป็นชิ้นยาวๆ 3 แผ่น
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้นๆ 3 ดอก
แครอทหั่นฝอย 1 หัวเล็ก
กระเทียม สับละเอียด 2 หัวเล็ก
ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย น้ำมันพืช

เมื่อเตรียมเครื่องปรุงกันเสร็จแล้ว ก็เดินหน้าเข้าครัวเคาะกระทะกันได้เลย โดยเริ่มจากเอากระทะตั้งไฟ ใช้ไฟกลางๆ แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้พอเหลือง

จากนั้นก็ใส่แฮม แครอท และเห็ดหอม ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย ผัดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอีกที และผัดต่อจนหมูแฮม แครอท และเห็ดหอมสุก ก็ใส่ขึ้นฉ่ายลงไปผัด ถึงตรงนี้ไม่ต้องผัดนานเอาแค่พอขึ้นฉ่ายสุกก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว ตักใส่จานได้เลย กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมทั้งแฮมและขึ้นฉ่าย แถมมีกลิ่นขึ้นฉ่ายหอมๆ เวลาเคี้ยวอีกต่างหาก อ้ำ...อิ่มไปอีกหนึ่งเมนู

"เปาะเปี๊ยะทอด" สอดไส้ความอร่อย


ใครที่มองว่า "เปาะเปี๊ยะทอด" ทำยากนั้น "กุ๊กเล็ก" ว่าถ้าลองทำจริงๆจะรู้ว่าไม่ยากแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนผสมควรมีครบ เพื่อที่จะได้ทำเปาะเปี๊ยะออกมาได้อรรถรส โดยส่วนผสมไส้เปาะเปี๊ยะมีดังนี้

แผ่นเปาะเปี๊ยะ 10 -15 แผ่น
เห็ดหอม (หรือจะใช้เป็นเห็ดหูหนูก็ได้) 3 ดอก
วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่มตัดเป็นท่อนสั้นๆ 1/2 ถ้วย
หมูสับ 2 ขีด
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แครอทหั่นฝอย 2 ขีด
ถั่วงอกเด็ดหาง 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว รากผักชี กระเทียม พริกไทย พอประมาณ
น้ำมันพืชสำหรับทอด และน้ำเปล่าสำหรับทาแผ่นเปาะเปี๊ยะ

เมื่อเตรียมส่วนผสมได้แล้วก็ลงมือได้เลย โดยเริ่มจากผสมเนื้อหมู ไข่ไก่ แครอท เห็ดหอม ถั่วงอก พริกไทย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และวุ้นเส้นคลุกเคล้าเข้ากัน จากนั้นก็โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ทั้งหมดให้ละเอียด ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เอาที่โขลกลงผัดให้หอม ตามด้วยส่วนผสมไส้เปาะเปี๊ยะที่คลุกไว้ ผัดพอสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้

แล้วก็ถึงขั้นตอนการห่อเปาะเปี๊ยะ โดยถ้าแผ่นเปาะเปี๊ยะบางไป ก็ให้วางซ้อนกันสองแผ่น ตักไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วม้วนแผ่นเปาะเปี๊ยะให้แน่นเป็นแท่งกลม ๆ พับหัวท้าย ทาขอบแผ่นเปาะเปี๊ยะด้วยน้ำเปล่า จากนั้นก็ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เปาะเปี๊ยะลงไปทอดให้สุกเหลืองแล้วตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

สำหรับส่วนผสมของน้ำจิ้มประกอบด้วย พริกชี้ฟ้าแดงโขลก 5 เม็ด ,น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ,เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ,น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งพอส่วนผสมครบก็แค่ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวก็ยกลง หั่นเปาะเปี๊ยะเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักและน้ำจิ้ม อิ่มอร่อยไปได้อีกมื้อ



โดย กุ๊กเล็ก
ที่มา : http://www.manager.co.th

12.4.53

อาหารที่ควรมีไว้ติดตู้เย็น

เชื่อแน่ ๆ ว่าตู้เย็นของบางบ้านนั้นอาจจะมีข้าวของมากมายหลายหลากอยู่ด้วยกัน ในขณะที่ตู้เย็นของบางบ้านนั้น มีของน้อยมาก ๆ จนเจ้าของไม่สามารถหาอะไรมารับประทานได้เลย


และเราก็เชื่อว่าคุณแม่บ้านหลาย ๆ ท่านเมื่อไปถึงที่ซูปเปอร์มาเก็ตแล้ว บางครั้งก็ลังเลว่าจะซื้ออะไรบ้างดี เพราะถ้าซื้อมากเกินไปก็จะล้นตู้เย็น ในขณะที่ถ้าซื้อน้อยเกินไปของในตู้เย็นกินไม่ทันไรก็หมดเสียแล้ว

งั้นวันนี้มาดูกันว่า ในตู้เย็นนั้นควรมีอะไรติดตู้เอาไว้เสมอ ๆ บ้าง

น้ำเปล่า ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต ช่วยทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นไม่อย่างปกติ ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติและมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น รวมทั้งช่วยให้การขับถ่ายของเสียทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ผิวชุ่มชื่น โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือน้ำอุณหภูมิปกติ

ผัก ถือเป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ อาทิ วิตามิน เกลือแร่ อยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในผักยังมี "ใยพืช" (Fiber) ซึ่งช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ท้องไม่ผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร โรคมะเร็งลำไส้

ไข่ไก่ เพราะในไข่ไก่มีทั้งโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิด ทั้งยังมีวิตามินกับเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ , บี, ดี และ อี ธาตุเหล็ก , สังกะสี, ซีลีเนียม และไอโอดีน ส่วนใครที่เคยเชื่อมาผิด ๆ ว่าทานไข่แล้วจะเสี่ยงกับความอ้วนนั้น คุณเข้าใจผิด เพราะโคเลสเตอรอลในไข่แดงมีประมาณ 230 มิลลิกรัมต่อฟอง ซึ่งนับว่าปลอดภัยกว่าการกินเนย แป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ติดมันมาก

นม ในที่นี้จะเป็นประเภทใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นนมวัว นมถั่วเหลือง หรือนมเปรี้ยว เพราะทุกประเภทล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราต้องอ่านฉลากข้างกล่องหรือขวดให้ดีก่อนจะซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะในนมแต่ละยี่ห้อแต่ละสูตรก็จะมีปริมาณน้ำนมและสารปรุงแต่งไม่เท่ากัน สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาในเรื่องระบบย่อยอาหารคุณควรดื่มนมวัว เพราะในนมวัวมีแคลเซียมและโปรตีนซึ่งมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนดีกว่าโปรตีน จากถั่วเหลือง

เนื้อปลา เพราะโปรตีนจากเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย และมีสาอาหาร คือ กรดโอเมก้า 3 ซึ่งมีกรด DHA และกรด EPA โดย DHA จะช่วยบำรุงเซลล์สมอง เซลล์ประสาท และเรตินาในดวงตา ส่วนกรด EPA ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม , มะม่วง,ฝรั่ง, กีวี่ ,ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพราะผลไม้ประเภทนี้จะมีวิตามินซีสูง (แถมยังปลอดภัยจากความอ้วนกว่าผลไม้รสหวานที่มีน้ำตาลมาก) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของภูมิต้านทานโรค ช่วยลดระดับไขมันที่จะไปพอกพูนเส้นเลือดในร่างกายแล้วทำให้หลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังช่วยควบคุมโคเลสเตอรอล และป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ที่สำคัญวิตามินซีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุของการเสื่อมของร่างกายอีกด้วย

โยเกิร์ต มีวิตามิน ได้แก่ วิตามิน เอ, บี1, บี2, บี3, บี6, บี12, ดี, อี มีกรดที่ช่วยในการดูดซึมโปรตีน แคลเซียมและเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ช่วยบำรุงผิวพรรณ แต่ก่อนซื้อต้องอ่านฉลากให้ดีก่อนว่าในโยเกิร์ตรสและยี่ห้อนั้น ๆ มีส่วนประกอบและคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง แนะนำว่าโยเกิร์ตธรรมชาติที่มีน้ำตาลน้อยดีที่สุด

แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด อาทิ สารเบตาแคโรทีน วิตามินซี นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น และถ้าอยากได้คุณค่าเต็มเปี่ยมแนะนำให้ทานแอปเปิ้ลทั้งเปลือก เพราะเปลือกของแอปเปิ้ลแดง 1 ผลนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับวิตามินซี 820 มิลลิกรัม

ถั่ว ถือเป็นโปรตีนจากพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้โปรตีน จากเนื้อสัตว์เชียว ดังนั้นคนที่อยู่ในช่วงทานเจหรือมังสวิรัติแต่ไม่อยากให้ร่างกายขาดโปรตีน ถั่วจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด และที่สำคัญถั่วยังอุดมไปด้วยวิตามินที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของผิวหนัง ผม การควบคุมความดันโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ไขมันไม่อิ่มตัวในถั่วจะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล

ธัญพืช ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จำพวกข้าวโพด , ลูกเดือย ,งา ,ข่าวฟ่าง,เมล็ดทานตะวัน, จมูกข้าว, รำข้าว (ชนิดที่อบกรอบพร้อมทาน) ติดตู้เย็นไว้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากทั้งยังดีต่อสุขภาพ โดยในธัญพืชจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ต้องใช้เวลาในการย่อย ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำเกิดเป็นโรคเบาหวานตามมาในภายหลัง (ต่างจากแป้งขัดขาวซึ่งน้ำตาลจะถูกย่อยเร็ว) นอกจากนี้ธัญพืชยังเปี่ยมด้วยวิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์


คราวหน้าถ้าคุณแม่บ้านคิดจะซื้อ ของติดตู้เย็นแล้วล่ะก็อย่าลืมเช็คดูก่อนนะคะ ว่าในตู้เย็นของคุณนั้นมีอาหารต่าง ๆ ที่แนะนำไปแล้วหรือยังนะคะ

11.4.53

ฮาวายเอี้ยนพอร์คชอพ


เนื้อหมูเคล้าเกลือ, พริกไทย ทอดจนสุกในน้ำซุปสับปะรด

สิ่งที่ต้องเตรียม
หมูเนื้อสัน 400 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1/3 ถ้วยตวง
น้ำสับประรด 1/2 ถ้วยตวง
น้ำซุป 3/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
แป้งสาลี 1/4 ถ้วยตวง
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
อบเชยป่น 1/4 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
สับปะรดหั่นชิ้นพองาม 5-6 ชิ้น
มะนาว 1 ผล
มะเขือเทศ 2 ผล


วิธีทำ
1. เคล้าหมูกับเกลือและพริกไทยให้ทั่ว นำไปคลุกแป้ง พักไว้
2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน นำหมูลงทอดจนสุกเป็นสีน้ำตาลทั้งสองด้าน
3. ตักน้ำมันออกครึ่งส่วน เติมน้ำสับปะรด และน้ำซุป ตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำมะนาว และซอสปรุงรส ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวต่อไปประมาณ 20-30 นาที
4. ใส่อบเชยลงไป คนให้เข้ากัน ละลายแป้งข้าวโพดใส่ในกระทะ คนให้เข้ากันจนน้ำข้น
5. จัดหมูใส่จานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยสับปะรด มะนาว และมะเขือเทศ

เนื้อสะโพกหมูคลุกข้าวโอ๊ตทอดในน้ำมัน

สิ่งที่ต้องเตรียม
หมูส่วนสะโพกหั่นชิ้น ขนาด 1x1/2x4 นิ้ว 500 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วยตวง
ผักชี 1 ต้น
แครอทหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมยาว 2 นิ้ว 150 กรัม
มันฝรั่งหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมยาว 2 นิ้ว 150 กรัม
หัวหอมใหญ่ผ่า 6 ส่วนตามยาว 1 หัว
ซอสพริก 1/3 ถ้วยตวง
ซอสมะเขือเทศ 1/3 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ตีไข่ เกลือ ซอสปรุงรสและพริกไทยให้เข้ากันดี จุ่มหมูลงในส่วนผสมไข่ จากนั้นเคล้ากับข้าวโอ๊ตให้ทั่ว นำไปทอดในน้ำมันร้อนจนเป็นสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองข้าง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน
2. ใส่แครอท มันฝรั่งและหัวหอมใหญ่ลงทอดในน้ำมันจนเป็นสีน้ำตาล ตักขึ้นวางพักให้สะเด็ดน้ำมัน
3. จัดหมูทอดใส่จานแต่งด้วยแครอท มันฝรั่ง หัวหอมใหญ่และผักชีเด็ดช่อ เสิร์ฟพร้อมซอสพริกและซอสมะเขือเทศ

ลูกชิ้นเผือกสอดไส้ไข่เค็ม


ลูกชิ้นเผือกสอดไส้ไข่เค็ม เป็นอาหารที่ดัดแปลงนำเอาของคาวและผลไม้เข้าไว้ด้วยกัน มีรสชาติหอมมันของไข่แดงของไข่เค็ม และรสหวานของเผือก

สิ่งที่ต้องเตรียม
เผือกหัวใหญ่ปอกเปลือก 1/2 กิโลกรัม
ไข่เค็มใช่เฉพาะไข่แดง 7 ฟอง

วิธีทำ
1. นำเผือกไปล้างให้สะอาด ผ่าเป็นชิ้นใหญ่นำไปนึ่งด้วยไฟแรง 15 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น บดให้ละเอียด ใส่แป้งสาลี เกลือ น้ำตาลทราย เกลือป่น รากผักชีโขลก ข้าวโพดกระป๋อง คลุกให้เข้ากัน
2. นำเผือกที่ผสมไว้ไปห่อไข่แดงของไข่เค็ม ปั้นขนาดพอคำ
3. ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันใช้ไฟปานกลาง
4. นำลูกชิ้นเผือกคลุกแป้งสาลีพอทั่ว คลุกไข่ คลุกผงแป้งมัน นำลงทอดให้เหลือง
5. ก่อนเสริ์ฟ ผ่าครึ่งลูกชิ้นเผือก จัดใส่

มะเขือเทศสอดไส้ข้าวปรุงรส

ข้าวอบปรุงรสสอดใส่ในผลมะเขือเทศเป็นอาหารจานพิเศษที่พิถีพิถันปรุงเพื่อมื้ออร่อย

สิ่งที่ต้องเตรียม
มะเขือเทศผลใหญ่ 4 ผล
ข้าวสวย 150 กรัม
เมล็ดสน 1 ช้อนโต๊ะ
ลูกเกด 1 ช้อนโต๊ะ
เซเลอรี่ขนาดกลางสับละเอียด 1 ก้าน
ใบโหรพา ซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำ และเกลือป่น
น้ำส้มบัลซามิก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ตั้งเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส(325 องศาฟาเรนไฮต์)
2. นำมะเขือเทศมาฝานส่วนขั้วออก แยกส่วนฝาไว้ จากนั้นคว้านเมล็ดและเนื้อมะเขือออกด้วยช้อนชา พักส่วนเนื้อเก็บไว้ โรยเกลือปนลงในผลมะเขือเทศเล็กน้อย แล้วคว่ำมะเขือเทศทิ้งไว้บนกระดาษซับชนิดหนา ให้สะเด็ดน้ำ
3. บดเนื้อมะเขือเทศในกระชอน เพื่อกรองเฉพาะเนื้อมารวมกับข้าวสวย ตามด้วยเมล็ดสน ลูกเกด เซเลอรี่สับละเอียด และโหรภา คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ปรุงรสตามใจชอบ จากนั้นนำส่วนผสมนี้สอดไส้ลงในผลมะเขือเทศ ปิดฝาด้วยขั้วของทุกผล
4. นำจานทนไฟก้นลึกมาทาน้ำมันเคลือบ วางเรียงมะเขือเทศในจานเว้นระยะให้พอเหมาะ นำเข้าอบ 45 นาที หรือพอสุก
5. สำหรับน้ำปรุงรส ใช้น้ำส้มบัลซามิก ผสมให้เข้ากันดีกับน้ำมันมะกอก นำมะเขือเทศอบสุกออกจากเตา แล้วเปิดฝาหยอดน้ำปรุงรสประมาณผลละ 1 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ให้เย็น ตกแต่งให้สวยงามด้วยใบโหรภาก่อนเสริ์ฟ

ปลาทูทอดแป้ง


สิ่งที่ต้องเตรียม
ปลาทูสด 5 ตัว
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
แป้งชุบทอดสำเร็จรูป 1/3 ถ้วยตวง
มะพร้าวขูดฝอย 1/2 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำปูนใส 1/2 ถ้วยตวง


วิธีทำ
1. ล้างปลาทูสดให้สะอาด พักไว้
2. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งชุดทอด มะพร้าวขูดฝอย เกลือและน้ำปูนใสเข้าด้วยกัน
3. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน นำปลาทูชุบส่วนผสมแป้งและลงทอดในน้ำมัน โดยใช้ไฟปานกลาง ทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

ปลาทอง

เนื้อปลากรายนวดรวมกับข้าวสุก ชุบไข่เคล้าผงขนมปังทอด

สิ่งที่ต้องเตรียม
รากผักชีหั่นหยาบ 2 ช้อนชา
กระเทียม 6 กลีบ
พริกไทย 1/2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
เนื้อปลากรายขูด 2 ถ้วยตวง
ข้าวสุก 2 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 2 ฟอง
ผงขนมปังป่น 1 ถ้วยตวง
ผักกาดหอม 1 ต้น
ผักชี 1 ต้น
ถั่วลิสงคั่ว 1/3 ถ้วยตวง
ขิงหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล้ก 1/4 ถ้วยตวง
หัวหอมแดงหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วยตวง
มะนาวหั่นชิ้นเล็ก 1 ลูก
พริกขี้หนู 15 เม็ด

วิธีทำ
1. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยและเกลือให้ละเอียด นำเนื้อปลาลงโขลกรวมกันให้เหนียว ตักออกใส่ชามผสมใส่ข้าวสุกลงไปนวดให้เข้ากัน เติมน้ำมะนาวและแป้งข้าวโพดเคล้ารวมกัน นวดจนไม่ติดมือ
2. นำเนื้อปลาที่นวดเตรียมไว้อัดใส่พิมพ์รูปปลา เรียงลงในลังถึงนึ่งให้สุก พักไว้ให้เย็นแกะปลาออกจากพิมพ์
3. จุ่มปลาลงในไข่ นำไปเคล้าผงขนมปังให้ทั่ว ทอดในน้ำมันร้อนพอให้สุกเหลือง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน
4. จัดปลาใส่จานเสิร์ฟแต่งด้วยผักกาดหอม และผักชี รับประทานร่วมกับถั่วลิสง ขิง หัวหอม มะนาวและพริกขี้หนู

ปลาทอดราดข้าวโพดผัดน้ำมันหอย

สิ่งที่ต้องเตรียม
ปลาอินทรีตัดท่อน ขนาด 1/2 นิ้ว 400 กรัม
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 ช้อนชา
ข้าวโพดต้มฝานบาง ๆ 1 ถ้วยตวง
น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 3 เม็ด

วิธีทำ
1. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน นำปลาทอดจนกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
2. ใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะในกระทะ ตั้งไฟพอร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวให้เหลือง เติมข้าวโพด น้ำมันหอย น้ำมันงา เกลือและน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน เติมพริกผัดพอเข้ากัน ยกลง
3. จัดปลาใส่จาน ราดหน้าด้วยส่วนผสมข้อ 3 เสิร์ฟทันที

ปลาช่อนย่างแซบ

สิ่งที่ต้องเตรียม
ปลาช่อน น้ำหนัก 700 กรัม 1 ตัว
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
สะระแหน่เด็ดเป็นช่อ 10 ช่อ
หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่วโขลกหยาบๆ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 1/2 ช้อนโตะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. ขอดเกล็ดปลา ผ่าท้อง ควักไส้ออก ล้างน้ำให้สะอาด บั้งตัวปลาทั้งสองด้าน นำปลาไปย่างไฟอ่อนจนสุกเหลืองจัดใส่จาน พักไว้
2. ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ใส่พริกป่นข้าวคั่ว ต้นหอม หอมแดง ผักชีฝรั่ง คนพอเข้ากัน ราดบนปลาให้ทั่ว แต่งด้วยสะระแหน่ เสิร์ฟ
5. จัดเสิร์ฟโดยราดน้ำซุปลงบนตัวปลา แต่งหน้าด้วยพริก ขิงซอยและต้นหอม

ปลากะพงน้ำแดง


ปลากะพงทอด ราดน้ำสูตรเด็ด

สิ่งที่ต้องเตรียม
ปลากะพง ขนาด 400-500 กรัม 1 ตัว
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1.1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัดผัก 1/4 ถ้วยตวง
ต้นอ่อนผักคะน้า 200 กรัม
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
น้ำซุป 1 ถ้วยตวง
เหล้าจีน 1/4 ถ้วยตวง
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
ขิงซอย 1/4 ถ้วยตวง
ต้นหอมตัดท่อนขนาด 1 นิ้ว 1/3 ถ้วยตวง


วิธีทำ
1. ขอดเกล็ดปลา ควักไส้ออก ล้างปลาให้สะอาด บั้งปลาทั้งสองด้าน หมักกับไข่ น้ำมันงา เกลือและซอสปรุงรส ประมาณ 1 ชั่วโมง
2. ใส่น้ำมัน 1/4 ถ้วยตวงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟแรงผัดผัก ประมาณ 30 วินาที ตักผักวางเรียงในจาน
3. นำปลาลงคลุกแป้งสาลีให้ทั่ว ทอดในน้ำมันท่วมจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักปลาขึ้นวางในจานผัก
4. ต้มน้ำซุปให้เดือด เติมเหล้าจีน น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทราย เกลือและพริกไทย คนให้เข้ากัน ละลายแป้งข้าวโพดในน้ำใส่ลงในส่วนผสม คนให้เข้ากันจนน้ำซุปข้น
5. จัดเสิร์ฟโดยราดน้ำซุปลงบนตัวปลา แต่งหน้าด้วยพริก ขิงซอยและต้นหอม

น้ำจิ้มปลาม้วน


น้ำจิ้ม สำหรับ ปลาม้วน

สิ่งที่ต้องเตรียม
ซอสเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 1/3 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
2. นำไปตั้งไฟอ่อน คนให้ส่วนผสมข้น

ทอดมันหมู


ทอดมันหมู หอมกรุ่นจากเตา

สิ่งที่ต้องเตรียม
เนื้อหมูปนมันบด 400 กรัม
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวโพดฝานบาง ๆ 1/2 ถ้วยตวง
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนชา
ผักชีหั่นฝอย 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ผสมหมูกับน้ำพริกแกงเผ็ดให้เข้ากัน เติมไข่ไก่ น้ำปลาและกะทิ ใช้พายคนให้เข้ากันนวดประมาณ 5-10 นาที
2. เติมข้าวโพด ใบมะกรูดและผักชี นวดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมขนาด 2 ซม. และกดให้แบน
3. ใส่น้ำมันในกระทะก้นลึก ตั้งไฟให้น้ำมันร้อน นำทอดมันหมูลงทอดพอสุกเหลือง ตักขึ้นวางบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
4. จัดทอดมันหมูใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

ซี่โครงหมูสามรส

สิ่งที่ต้องเตรียม
เนื้อวัว เครื่องในซี่โครงหมูตัดชิ้น ขนาด 2 นิ้ว 500 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำสับปะรด 1/3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
สับปะรดหั่นชิ้นพอคำ 8-10 ชิ้น
ข้าวโพดอ่อน 5-6 ฝัก
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. เคล้าซี่โครงหมูกับเกลือ พริกไทยและซอสปรุงรส โรยแป้งสาลีเคล้าให้ทั่ว นำลงทอดในน้ำมันร้อนโดยใช้ไปปานกลาง ทอดจนสุกเหลือง ตักออกพักให้สะเด็ดน้ำมัน
2. ใส่น้ำสับปะรด น้ำตาลทรายแดง น้ำส้มและซีอิ๊วขาวลงในกระทะ ตั้งไฟอ่อน คนให้น้ำตาลละลาย เติมซี่โครงหมูลงไปผัดให้เข้ากัน ละลายแป้งในน้ำใส่ลงในกระทะผัดให้แป้งสุก ยกลง
3. จัดซี่โครงหมูใส่จานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยสับปะรด ข้าวโพดอ่อนและพริกชี้ฟ้า

ซกเล็ก


สิ่งที่ต้องเตรียม
เนื้อวัว เครื่องในวัว(ผ้าขี้ริ้ว ตับ)รวมกัน 300 กรัม
เลือดวัวสดๆ 1 ถ้วย
ใบตะไคร้ 6 ใบ
สะระแหน่เด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย
ต้นหอมซอย 2 ต้น
ผักชีฝรั่งซอย 2 ต้น
พริกแห้งคั่วโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อและเครื่องในให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบาง
2. ขยำใบตะไคร้กับเลือดสดประมาณ 5-10 นาทีจนเป็นฟองเพื่อดับคาว เอาใบตะไคร้ออก
3. เคล้าเนื้อ เครื่องใน ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น ต้นหอม ผักชีฝรั่ง เคล้าให้เข้ากัน ราดด้วยเลือดสดที่เตรียมไว้
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ตักใส่จาน โรยด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟ

ข้าวหมกไก่




















สิ่งที่ต้องเตรียม
ไก่ 1 ตัว ช้าวสาร 2 ถ้วยตวง
อกไก่
น่องไก่ 1 ตัว
ใบกระวาน 2-3 ใบ
หอมแดง 1/2 ถ้วยตวง
ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ
เนยสด 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้นผง 1/2 ช้อนชา
น้ำซุป 3 ถ้วยตวง
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
พริกขี้ฟ้าโขลก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
เกลือ 1 ช้อนชา


วิธีทำ
1. ตั้งกระทะใส่เนยและน้ำมันพอละลาย เจียวหอมให้เหลือง ตักขึ้น
2. นำไก่ลงทอดให้หนังตึงและเหลือง ใส่ผงกะหรี่ ผงขมิ้น ผัดให้หอม ใส่ข้าวสาร ผัดให้เข้ากัน
3. ตักใส่หม้อเติมน้ำซุป นำไปหุงให้สุก พักให้ระอุ
4. ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ ตั้งไฟให้เดือด ยกลงใส่พริกชี้ฟ้า
5. ตักข้าวใส่จาน เสิร์ฟคู่กับผักสด น้ำจิ้ม โรยหน้าด้วยหอมเจียว

ข้าวมันไก่



















สิ่งที่ต้องเตรียม
ไก่ 1 ตัว
ข้าวสาร 8 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
น้ำต้มไก่ 12 ถ้วยตวง
กระเทียมทุบ 1/4 ถ้วยตวง
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
ขิงแก่สับ 1/2 ถ้วยตวง
เต้าเจี้ยว 2 ถ้วยตวง
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูหั่น 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ผสมส่วนผสมน้ำจิ้มทุกอย่างให้เข้ากัน
2. ต้มไก่ให้สุก นำไก่ขึ้นพักไว้
3. นำข้าวสารไปผัดกับน้ำมันพืช ตักใส่หม้อ ใส่กระเทียม หุงด้วยน้ำต้มไก่ พอข้าวสุกพักให้ระอุ
4. ตักใส่จานหั่นไก่วางด้านบน เสิร์ฟคู่แตงกวาและ

ข้าวผัดหมู


















สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
เนื้อหมูหั่นชิ้นพอคำ 1/4 ถ้วย
ไข่ไก่หรือไข่เป็ด 1 ฟอง
มะเขือเทศหั่นเสี้ยว 1/2 ลูก
หอมใหญ่หั่นเสี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่กระเทียมเจียวพอหอม ใส่หมู ผัดพอสุก ต่อยไข่ใส่ ผัดยีให้กระจายสักครู่ ใส่มะเขือเทศ หอมใหญ่ ผัดสักครู่ ใส่ข้าวผัดเคล้าให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน ใส่ต้นหอม ผัดพอทั่ว ปิดไฟ ยกลง
3. ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมมะนาว รับประทานกับต้นหอม แตง

ข้าวผัดสับปะรด


ถึงจะเป็นผลไม้ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้ง คาว หวาน ยิ่งเอามาทำเป็นข้าวผัดแล้วอร่อยอย่าบอกใครเลยนะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
สับปะรดหั่นชิ้น 1/2 ถ้วย
กุ้งกุลาดำหรือกุ้งแชบ๊วยแกะเปลือก 2 ตัว
หมูหยอง 2 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 1/4 ถ้วย
มะเขือเทศหั่นเสี้ยว 1 ลูก
ต้นหอม 2 ต้น
ผักชีเด็ดเป็นใบ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย 1 ช้อนชา
ผงกะหรี่ 2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่กะทิ เคี่ยวจนกะทิแตกมัน ใส่ผงกะหรี่ ผัดพอหอม ใส่กุ้ง สับปะรด ผัดให้ทั่ว
2. ใส่ข้าว ผัดสักครู่ ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ๊วขาว ผัดพอทั่ว ชิมรสให้มีรสหวานนำ เค็มตาม ปิดไฟ
3. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยหมูหยอง แต่งหน้าด้วยผักชี พริกชี้ฟ้าแดง ต้นหอม มะเขือเทศ เสิร์ฟ

ข้าวผัดมันกุ้ง




















สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
มันกุ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งชีแฮ้หรือกุ้งกุลาดำ 3-4 ตัว
รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกรวมกัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
1. ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือก เด็ดหัวเด็ดหาง ผ่าหลังชักเส้นดำออก หั่นหยาบ 2 ตัว ที่เหลือแกะเปลือกไว้หัวไว้หาง ผ่าหลังชักเส้นดำออก ทอดให้สุก พักไว้
2. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่รากผักชี กระทียม พริกไทยโขลก ผัดให้หอม ใส่มันกุ้ง ผัดเคล้าให้เข้ากันดี ใส่กุ้งสับ ผัดให้กุ้งสุก
3. ใส่ข้าว ผัดพอทั่ว ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลง
4. ตักใส่จาน วางกุ้งทอดบนข้าวผัด รับประทานกับต้นหอม แตง

ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ


สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
น้ำพริกลงเรือ 1-2 ช้อนโต๊ะ
ไข่แดงไข่เค็มหั่น 1-2 ฟอง
กุ้งแห้งทอด 2 ช้อนโต๊ะ
หมูหวาน 1/2 ถ้วย
เนื้อเค็มฉีกฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู 7-8 เม็ด
กระเทียม 4-5 กลีบ
กุ้งแห้งโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
มะอึกหั่นบาง 1 ลูก
มะดันซอย 1 ลูก
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. โขลกพริกขี้หนู กระเทียม กุ้งแห้งให้ละเอียด ใส่กะปิ โขลกให้เข้ากัน ใส่น้ำตาล น้ำมะนาว ใส่มะอึก มะดัน โขลกให้เข้ากัน ชิมรสให้รสจัด
2. เคล้าข้าวกับน้ำพริกให้เข้ากัน พักไว้
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่เนื้อเค็ม ทอดให้สุก ใส่ส่วนผสมข้อ 2 ผัดให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง ไข่เค็ม หมูหวานเล็กน้อย กุ้งแห้งทอด ผัดให้เข้ากันดี ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน วางหมูหวานที่เหลือข้างๆ ข้าว รับประทานกันแตง

ข้าวผัดน้ำพริกกุ้งสด


สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
หมูหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่เค็ม(เฉพาะไข่แดง)หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ฟอง
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย 1 ช้อนชา
น้ำพริกกะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
กุ้งกุลาดำ 5 ตัว
พริกขี้หนูแดง 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมแกะเปลือก 2 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. โขลกกระเทียมกับพริกขี้หนู ใส่กะปิ น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาว เคล้าให้เข้ากัน
2. ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่กุ้ง น้ำพริกกะปิ ผัดพอหอม ใส่ข้าว
4. ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ใส่พริกชี้ฟ้า หมูหวาน เร่งไฟแรง ผัดพอข้าวแห้ง ปิดไฟ
5. ตักใส่จาน โรยไข่แดงไข่เค็ม โรยพริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น ผักชี รับประทานกับแตงกวา ต้นหอม มะนาว

ข้าวผัดธัญพืช


สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวกล้องสุก 3 ถ้วย
ข้าวโพดต้มสุกแกะเอาแต่เมล็ด 1/2 ถ้วย
เผือกต้มสุกหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1/2 ถ้วย
มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1/2 ถ้วย
หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1/2 ถ้วย
กุ้งหั่นบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
งาดำคั่วโขลกพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เจียวกระเทียมกับน้ำมันให้หอม ใส่หอมใหญ่ กุ้ง ผัดพอกุ้งสุก ใส่ข้าวโพด ใส่เผือกต้มสุก ผัดให้ทั่ว
2. ใส่ข้าวโรยด้วยเกลือ ใส่ซีอิ๊วขาว คนให้ทั่ว ใส่มะเขือเทศ โรยด้วยพริกไทยป่นใส่งา คนให้ทั่ว
3. ตักใส่จานเสิร์ฟ 4 จาน จัดเสิร์ฟกับแตงกวา

ข้าวผัดทะเลใต้


สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
ลูกชิ้นปลาผ่าครึ่ง 2 ลูก
ปลาหมึกกล้วยหั่นชิ้นพอคำ 3 ชิ้น
หอยแหมลงภู่แกะเอาแต่เนื้อ 3 ตัว
กรรเชียงปู 1 อัน
สับปะรดหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/4 ถ้วย
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ลวกกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ กรรเชียงปู ลูกชิ้นปลา พักไว้
2. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ กรรเชียงปู ลูกชิ้นปลา สับปะรด ผัดสักครู่ ใส่ข้าว ผัดพอเข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทย ผัดให้ทั่ว ใส่หอม ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน เสิร์ฟกับแตงกวา ต้นหอม มะนาว

ข้าวต้มกุ้ง


สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 1 ถ้วย
กุ้งชีแฮ้ 200 กรัม
ตังฉ่าย 1 ช้อนชา
ข่าป่น 1/2 ช้อนชา
กระเทียมเจียว 1 ช้อนชา
ขึ้นฉ่ายหั่นหยาบ 1 ต้น
ซีอิ๊วขาว 1-2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำซุป 2 ถ้วย
พริกชี้ฟ้าหั่นแว่นดองน้ำส้มสายชู
เต้าเจี้ยวบด

วิธีทำ
1. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง ผ่าหลังซักเส้นดำออก ลวกในน้ำเดือนพอสุก ตักขึ้น
2. ต้มข้าวกับน้ำซุปจนเดือน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวตักใส่ถ้วย ใส่กุ้ง โรยตังฉ่าย ข่า กระเทียมเจียว ขึ้นฉ่ายโรยพริกไทย รับประทานร้อน ๆ กับพริกชี้ฟ้าหั่นแว่นดองน้ำส้มสายชูและเต้าเจี้ยว

ข้าวคลุกกะปิ


สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 10 ถ้วย
กุ้งแห้งโขลกละเอียด 1 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
กระเทียมทุบแล้วสับละเอียด 1/2 ถ้วยตวง
กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. ใส่น้ำมันในกระทะตั้งไฟ ใส่กระเทียมเจียวพอเหลือง ตักขึ้นให้มีน้ำมันอยู่ในกระทะเล็กน้อย ใส่กะปิลงผัด เติมน้ำมันเล็กน้อย เพื่อให้กะปิละลายผัดพอแห้งใส่ข้าว และกุ้งแห้ง ผัดจนเข้ากันดีตักใส่จาน
2. รับ

ไก่ผัดเหล้า


สิ่งที่ต้องเตรียม

ไก่ น้ำหนัก1.5 กก. 1 ตัว
ขิงแก่แง่งใหญ่ 1 แง่ง
เหล้าข้าวเหนียวหวาน 1 ขวด
เกลือป่น 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างไก่ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นทั้งกระดูกให้ใหญ่พอควร
2. สับขิงให้ละเอียด คั่วในกระทะจนแห้ง ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใส่ไก่ ผัดให้เข้ากัน ใส่เกลือป่น เหล้าหวาน 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำเล็กน้อย ผัดจนแห้งเกรียม ตักขึ้นใส่หม้อไว้
3. เวลาจะรับประทาน ให้เทเหล้าหวานที่เหลือใส่จนหมดขวด เคี่ยวให้เดือดด้วยไฟอ่อน ๆ สักครู่ใหญ่ ยกลง

แกงเลียงผักรวมกุ้งสด


สิ่งที่ต้องเตรียม
กุ้งสดแกะเปลือก 10 ตัว
ตำลึงเด็ดเป็นใบ 1 ถ้วย
ฟักทอง 1/4 ถ้วย
บวบเหลี่ยม 1/2 ถ้วย
ข้าวโพดอ่อน 5 ฝัก
เห็ดฟางผ่าครึ่ง 5 ดอก
แมงลักเด็นเป็นใบ 1/4 ถ้วย
เนื้อหมูสับ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำพริกแกงเลียง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 3 ถ้วย
เครื่องแกง
พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
หอมแดง 3 หัว
รากผักชีซอย 1/2 ช้อนชา
กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งสดลวกพอสุก 3 ตัว

วิธีทำ
1. โขลกพริกไทยให้ละเอียด ใส่หอมแดง กะปิ รากผักชี โขลกให้ละเอียด ใส่กุ้ง โขลกรวมกันให้ละเอียด ตักขึ้น พักไว้
2. ล้างผักทุกชนิดให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ
3. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง พดเดือดใส่น้ำพริกแกงเลียง คนให้ละลาย
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา เร่งไฟแรงเล็กน้อย ใส่ฟักทอง บวบ เห็ดฟาง ข้าวโพดอ่อน หมูสับ พอสุกใส่กุ้ง ตำลึง เมื่อกุ้งสุกเป็นสีชมพู ใส่ใบแมงลัก พอสุกเขียวยกลง
5. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ

ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าทะเล


สิ่งที่ต้องเตรียม
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 200 กรัม
ปลาหมึกสดหั่นขวางเป็นท่อน 1 ตัว
กุ้งกุลาดำเด็ดหัวปอกเปลือกออกผ่าหลังเอาเส้นดำออก 3 ตัว
หอยแมลงภู่แกะ 5 ตัว
เนื้อปลากะพงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 3 ชิ้น
กระเทียมสับ 1 หัว
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพดละลายน้ำพอสมควร 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าเจี้ยว 1 ช้อนชา
น้ำปลาดี 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
ซ็อสถั่วเหลืองปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
คะน้าหั่นแฉลบ 1 ต้น
พริกไทยป่น พริกดองน้ำส้ม


วิธีทำ
1. เอากระทะตั้งบนเตาไฟ เร่งไฟแรงพอสมควร พอร้อนเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวลงผัดแล้วใส่จานไว้ ต่อจากนั้นก็ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนเอากระเทียมสับลงเจียว
2. ใส่ปลาหมึกสดที่เตียวไว้ ใส่เนื้อปลา หอยแมลงภู่สดแกะใส่กุ้งกุลาดำที่ทำเรียบร้อยแล้วลงไป ผัดต่อไป
3. ใส่เครื่องปรุงรสน้ำปลาดี ซ็อสถั่วเหลืองปรุงรสซีอิ๊วขาว เต้าเจี้ยว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย เติมน้ำซุปลงเล็กน้อย ใส่คะน้า ใส่แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำเอาไว้แล้วลงไปผัดคลุกเคล้าเสร็จแล้วเอาไปราดหน้าก๋วยเตี๋ยวที่ผัดใส่จานรอท่าอยู่แล้ว ยกเสริฟทันที

10.4.53

หอยลายผัดพริกแกง


สิ่งที่ต้องเตรียม
น้ำผริกแกงเผ็ด น้ำหนัก 50 กรัม จำนวน 1 ซอง
น้ำมันพืชสำหรับผัด
น้ำปลา 2 ช้อนชา
กะทิสำเร็จรูป 100 กรัม
หอยลาย 300 กรัม
พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 3 เม็ด
กระชายซอยเป็นเส้น 20 กรัม
ใบมะกรูดฉีกแกนกลาง 5 ใบ
พริกไทยสด 25 กรัม
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนชา
นมข้นจืด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันน้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
ใบโหระพา 20 กรัม

วิธีทำ
- ผัดน้ำพริกแกงเผ็ดกับน้ำมันพืชจนมีกลิ่นหอม ใส่น้ำปลาค่อยๆใส่กะทิสำเร็จรูปลงผัด
- ใส่หอยลายผัดจนสุก เติมพริกชี้ฟ้ากระชาย ใบมะกรูดและพริกไทยสด ปรุงรสด้วยซอส
หอยนางรมและน้ำตาลมะพร้าว ผัดจนสุก เติมนมข้นจืดและน้ำมันน้ำพริกเผา โรยหน้าด้วย
ใบโหระพา ผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน พร้อมรับประทาน

หอยเชลล์ผัดผักโสภณ


สิ่งที่ต้องเตรียม
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาวสูตร 1 2 ช้อนชา
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำซุปไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
ผักกาดเขียวปลี (ผักโสภณ) ลวกสุก 300 กรัม
เนื้อหอยเชลล์ 100 กรัม
พริกชี้ฟ้าแดงซอสสำหรับแต่ง


วิธีทำ
- เจียวกระเทียมกับน้ำมันพืชจนมีกลิ่นหอม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว สูตร 1และซอสหอยนางรม
น้ำตาลทรายและน้ำซุปไก่ ผัดให้เข้ากันจนสุกทั่วดี ตักใส่จาน แต่งหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย
รับประทานคู่กับข้าวสวยขณะร้อนๆ

ไวไวผัดฉ่าทะเลแห้ง


ว่างๆผมก็เล่น Internet ไปเรื่อยๆ ไปพบกับสูตรอาหาร ที่คุณอาหมึกแดง ได้สอนทำไว้ ที่เว็บ mcdang.com ในนั้นมีสูตรอาหารเยอะแยะเลย ว่างๆลองเข้าเว็บไปชมกันนะครับ
เมนูนี้ก็เป็นเมนูหนึ่งที่น่ารับประทานเลยนำมาฝาก เมนูนั้นก็คือ “ไว ไวผัดฉ่าทะเลแห้ง” ทำไมต้องเป็นไวไว มาม่า ยำยำ ไม่ได้เหรอ จริงๆมันก็ได้นะครับ แต่ว่าเป็น sponsor หลักของคุณอาหมึกแดง ก็เอาซะหน่อยหนะ ช่วยกันอุดหนุน ไวไว ด้วยนะค้าบบบบ

เครื่องปรุง
น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
กระชายซอย 50 กรัม
น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
หอยแมลงภู่ 200 กรัม
หอยเชลล์ 100 กรัม
ปลาหมึก 100 กรัม
กุ้งชีแฮ้ 200 กรัม
เส้นไวไวลวก 2 ซอง
พริกไทยอ่อน 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องผัดฉ่าของไวไว 1 ซอง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
รสดี 1 ช้อนชา
ต้นหอม พอประมาณ
ผักชี พอประมาณ
พริกชี้ฟ้าเหลือง,แดง,เขียวสำหรับแต่ง

วิธีทำ
1. ทำความสะอาดอาหารทะเลทั้งหมด แล้วพักไว้
2. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่พริก กระเทียม
กระชายซอยและน้ำพริกเผาลงผัดพอหอม
3. ใส่อาหารทะเลลงไปผัดพอสุก ใส่เส้นไวไวและพริกไทยอ่อนตามลงผัดให้เข้ากัน
แล้วปรุงรสด้วยผงไวไว รสดี น้ำปลา ชิมรสตามชอบ
4. ตักใส่จานโรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชี พริกชี้ฟ้าเหลือง พริกชี้ฟ้าแดง
และพริกชี้ฟ้าเขียว เสิร์ฟร้อน ๆ

ลินกวีนีผัดไทยไข่ห่อ



ส่วนผสม
ลินกวีนี 10 (มะกะโรนี) ต้มสุก 100 กรัม
กุ้งสด 5 ตัว
เต้าหู้แข็งหั่นชิ้นเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
หัวไช้โป๊วสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 2 หัว
ถั่วงอกเด็ดหาง 100 กรัม
ใบกุยช่ายหั่นเป็นท่อน 40 กรัม
ถั่วลิสงคั่วป่นละเอียด 1 กรัม
พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่เป็ดตีพอแตก ฟอง
น้ำมันมะกอกธรรมชาติ
สำหรับผัด
ผักสด (ใบบัวบก, หัวปลี, ถั่วงอกดิบและมะนาว)

วิธีทำ
- ใส่น้ำมันมะกอกธรรมชาติ ตราซาโบรโซลงในกระทะ ตั้งไฟพอร้อน เจียวหอมแดงจนหอม
- ใส่กุ้งสด เต้าหู้แข็งและหัวไช้โป๊วลงผัดจนสุก เติมลินกวีนี 10 (มะกะโรนี) ลงผัด ปรุงรสด้วยพริกป่น น้ำตาลทราน้ำปลาและน้ำมะขามเปียกลงผัด ใช้ไฟแรง ใส่ถั่วงอกและใบกุยช่าย ผัดจนส่วนผสมสุกทั่วดี จึงยกลง พักไว้
- ใส่น้ำมันมะกอกลงในกระทะ ตั้งไฟพอร้อนเท ไข่เป็ดลงกลอกให้เป็นแผ่นบาง พอสุก ตักลินกวีนีผัดไทยที่พักไว้ใส่แล้วม้วนให้สวยงาม จัดใส่จานสำหรับเสิร์ฟ รับประทานคู่กับผักสดตามชอบ

โรซ่าผัดหนวดมังกร


สวัสดีครับวันนี้ผมมีสูตรอาหารจากหมึกแดงมาฝากกันครับ

ส่วนผสม
1. ผักกาดดองตราโรซ่าซอย 1 ซอง
2. ถั่วงอก 1 ถ้วย
3. เต้าหู้เหลือง 1 ก้อน
4. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำของผักกาดดองพอประมาณ
6. พริกไทยพอประมาณ
7. พริกชี้ฟ้าแดงซอยพอประมาณ



วิธีทำ
1. ถั่วงอกเด็ดหางล้างให้สะอาด ผักกาดดองซอย เต้าหู้เหลืองหั่นบางๆ
2. กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่กระเทียมเจียวให้พอหอม ใส่เต้าหู้ลงผัดพอเหลือง ใส่ผักกาดดอง ถั่วงอก แล้วเติมน้ำผักกาดดองลงไปนิดหน่อย ผัดให้เข้ากันจนสุก ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว โรยหน้าด้วยพริกไทยนิดหน่อย และพริกชี้ฟ้าแดงซอย ยกเสริ์ฟร้อนๆ
เพียงเท่านี้ก็จะได้โรซ่าผัดหนวดมังกรเรียบร้อยแล้วล่ะครับ



บทความจาก : เว็บไซท์ mcdang.com

รวมเห็ดน้ำแดงเจ


สิ่งที่ต้องเตรียม
เห็ดเข็มทอง 100 กรัม
เห็ดหูหนูขาวแช่น้ำ 100 กรัม
เห็ดหอมสด 100 กรัม
เห็ดเป๋าฮื้อ 100 กรัม
เห็ดแชมปิญอง 100 กรัม
เห็ดฟางหั่นเป็นชิ้น 100 กรัม
น้ำมันพืชสำหรับทอด
น้ำซุปผัก 500 กรัม
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วญี่ป่น 4 ช้อนโต๊ะ
ซอสเห็ดหอม 3 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพด 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำสำหรับละลายแป้ง 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
- ทอดเห็ดครั้งละชนิดในน้ำมันพืชที่อุ่นจนร้อนพอสะดุ้งน้ำมัน ตักใส่จาน เตรียมไว้
- ต้มน้ำซุปผักจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย พริกไทยป่น ซีอิ๊วญี่ปุ่น ซอสเห็ดหอม เติมแป้ง
ข้าวโพดที่ละลายน้ำ คนผสมจนเดือดและได้ความข้นตามต้องการ เติมน้ำมันงา คนผสมให้เข้ากัน
ตักราดลงบนเห็ดที่เตรียมไว้ รับประทานขณะร้อนๆ

รวมทะเลจานร้อน


สิ่งที่ต้องเตรียม
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 50 กรัม
กุ้งแชบ๊วยปอกเปลือกผ่าหลังเหลือหางลวก 100 กรัม
ปลาหมึกสดหั่นนเป็นชิ้นลวก 100 กรัม
เนื้อหอยแมลงภู่ลวก 100 กรัม
เนื้อปลากะพงหั่นเป็นชิ้นลวก 100 กรัม
ซอสหอยนางรม 100 กรัม
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
หอมหัวใหญ่หั่นบาง 2 ช้อนชา
เห็ดแชมปิญอง 100 กรัม
แครอทหั่นเป็นเส้น 50 กรัม
ต้นหอมหั่นเป็นท่อน 50 กรัม
ผักกาดดองเค็ม
(ใช้ทั้งน้ำและเนื้อ) หั่นเป็นเส้น 1 กระป๋อง

วิธีทำ
- เจียวกระเทียมและพริกไทยดำกับน้ำมันพืชจนมีกลิ่นหอม ใส่อาหารทะเล ปรุงรสด้วยซอส
หอยนางรม น้ำปลาและน้ำตาลทราย ใส่หอมหัวใหญ่ เห็ดแชมปิญอง แครอทและต้นหอม
ผักใช้ไฟแรงจนสุกทั่วดี เติมผักกาดดองเค็มและน้ำจากผักกาดดองเค็ม ผัดให้เข้ากัน ตักใส่กระทะ
จานร้อนที่อุ่นจนร้อนจัด พร้อมรับประทาน

ผัดเมล็ดถั่วลันเตากับหอยเชลล์


สิ่งที่ต้องเตรียม
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันคาโนล่าผ่านกรรมวิธี
หอยเชลล์ 3 ช้อนโต๊ะ
เมล็ดถั่วลันเตาแช่แข็ง 150 กรัม
ซอสหอยนางรม 200 กรัม
พริกไทยป่น 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
เหล้าจีน 2 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าแดงสำหรับโรยหน้า 2 ช้อนชา

วิธีทำ
- เจียวกระเทียมกับน้ำมันคาโนล่าผ่านกรรมวิธี จนมีกลิ่นหอม ใส่หอยเชลล์ ปรุงรสด้วย
เครื่องปรุงรสทั้งหมด ผัดใช้ไฟแรง จนสุกทั่วดี ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดง
พร้อมรับประทาน

ผักกูดผัดน้ำมันมะกอก


สิ่งที่ต้องเตรียม
กระเทียมหั่นบาง 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบุบพอแตก 10 เม็ด
เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก สำหรับผัด
สำหรับผัด 300 กรัม
ผักกูดตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 2 นิ้ว
พริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา
ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

วิธีทำ
- เจียวกระเทียม พริกขี้หนูและเต้าเจี้ยวกับน้ำมันมะกอก จนมีกลิ่นหอม ใส่ผักกูด พร้อมด้วยเครื่อง
ปรุงรสทั้งหมด ผัดใช้ไฟแรง จนส่วนผสมสุกทั่วดี ตักใส่จาน รับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ

Labels

ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าทะเล (1) การทำธุรกิจ ร้านสเต็ก (1) การทำสูตรน้ำเกรวี่ราดสเต็ก (1) กุ้งทอดไข่ (1) แกงจืดไข่ 2 สี (1) แกงเลียงผักรวมกุ้งสด (1) แกงส้มชะอมชุบไข่ทอด (1) ไก่ผัดเหล้า (1) ข้าวคลุกกะปิ (1) ข้าวต้มกุ้ง (1) ข้าวผัดไข่ (1) ข้าวผัดทะเลใต้ (1) ข้าวผัดธัญพืช (1) ข้าวผัดน้ำพริกกุ้งสด (1) ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ (1) ข้าวผัดมันกุ้ง (1) ข้าวผัดสับปะรด (1) ข้าวผัดหมู (1) ข้าวผัดหมูแดง (1) ข้าวมันไก่ (1) ข้าวหมกไก่ (1) ไข่กระทะ (1) ไข่เจียว (1) ไข่เจียวกุ้งสับ (1) ไข่ตุ๋นต้มยำหม้อไฟซาร์ดีนกับข้าวผัดหมูแดง (1) ไข่ตุ๋นนมสด (1) ไข่ตุ๋นในพริกหวาน (1) ไข่น้ำ (1) ไข่ยัดไส้ทูน่าปรุงรสผัดพริก (1) ไข่เยี่ยวม้าผัดกะเพรากรอบ (1) เจ (1) ใจผักผัดปลิงทะเลน้ำแดง (1) ซกเล็ก (1) ซี่โครงหมูสามรส (1) ตับผักกาดดองซีโครงหมูแบบญวน (1) ทอดมันกุ้ง (1) ทอดมันหมู (1) น้ำจิ้มปลาม้วน (1) น้ำพริกปลาทูน่า (1) เนื้อผัดน้ำมันหอย (1) เนื้อส่วนไหน ทำสเต็ก (1) แบบกุ้งเต็ม ๆ คำ (1) ปลากะพงน้ำแดง (1) ปลาช่อนย่างแซบ (1) ปลาทอง (1) ปลาทอดราดข้าวโพดผัดน้ำมันหอย (1) ปลาทูทอดแป้ง (1) เปาะเปี๊ยะทอด (1) ผักกูดผัดน้ำมันมะกอก (1) ผัดเมล็ดถั่วลันเตากับหอยเชลล์ (1) มะเขือเทศสอดไส้ข้าวปรุงรส (1) มะระขี้นกผัดไข่เค็มกระเทียมโทนดอง (1) ยำ (13) ยำกุนเชียง (1) ยำไก่ย่าง (1) ยำไข่ดาวเบคอน (1) ยำไข่ต้มอย่างไทย (1) ยำถั่วพู (1) ยำทูน่าฟู (1) ยำวุ้นเส้นไส้กรอก (1) ยำหมูยอ (1) ยำเห็ดหูหนูขาว (1) ยำแอ๊ปเปิ้ลไข่ต้ม (1) รวมทะเลจานร้อน (1) รวมเห็ดน้ำแดงเจ (1) โรซ่าผัดหนวดมังกร (1) ลินกวีนีผัดไทยไข่ห่อ (1) ลูกชิ้นเผือกสอดไส้ไข่เค็ม (1) วิธีการทำ สเต็ก (Steak) (1) ไวไวผัดฉ่าทะเลแห้ง (1) ส้มตำ (1) สูตร ราเมง (1) เส้นราเมง (1) หมูน้ำตก (1) หมูมะนาว (1) หมูสะระแหน่ (1) หมูสับปะรด (1) หลนเต้าเจี้ยว (1) หลนเนื้อเค็ม (1) หลนปูเค็ม (1) หอยเชลล์ผัดผักโสภณ (1) หอยนางรมทอดกระเทียมพริกไทย (1) หอยแมลงภู่ผัดฉ่า (1) หอยลายผัดพริกแกง (1) แหนมผัดไข่ (1) อาชีพเกี่ยวกับอาหาร (1) อาชีพอิสระ (4) อาชีพอิสระ เกี่ยวกับอาหาร (1) อาหารที่ควรมีไว้ติดตู้เย็น (1) เอล อินเฟอร์โน (1) ฮาวายเอี้ยนพอร์คชอพ (1) แฮมผัดขึ้นฉ่าย (1) FRIED RICE WITH ROAST PORK FLAVOR (1) Ramen (1)

Followers